Offer Category: รีไฟแนนซ์บ้าน
สมัครกู้ยืมเงินด่วนแบบ บัตรเครดิต สินเชื่อเงินสดหรือเงินกู้นอกระบบ กับหลายบริษัทแล้วจะได้รับผลดีกว่า
รีไฟแนนซ์บ้านออมสิน
รีไฟแนนซ์บ้าน ธอส
สินเชื่อบ้านกับการรีไฟแนนซ์บ้านเกี่ยวข้องกันอย่างไร
เมื่อคุณตัดสินใจซื้อบ้านด้วยวิธีการกู้เงินหรือขอสินเชื่อบ้านจากธนาคาร สิ่งที่ธนาคารจะอนุมัติให้ก็คือวงเงินของสินเชื่อบ้านโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการซื้อบ้านหรือต่อเติม ซึ่งวงเงินที่คุณได้รับจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยตามที่ธนาคารกำหนดโดยอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับก็จะเป็นอัตราดอกเบี้ยในปีที่ธนาคารได้ทำการปล่อยสินเชื่อออกมานั่นเอง โดยทั่วไปแล้วการผ่อนบ้านหรือสินเชื่อบ้านจะมีจุดเด่นที่ควรพิจารณาและให้ความสำคัญก็คือเรื่องของการคิดอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกับสินเชื่อบัตรเครดิต แต่เมื่อมีการคำนวณอัตราดอกเบี้ยต่อจำนวนเงินต้นในการผ่อนชำระคืนที่สูงหรืออาจเกิดสภาวะผ่อนแต่ “ผ่อนแต่ดอก” จึงทำให้วิธีรีไฟแนนซ์บ้านได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยลดทั้งจำนวนในการผ่อน ระยะเวลาในการผ่อนยาวนานขึ้น อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิมอีกด้วย ด้วยเหตุนี้สินเชื่อบ้านจึงมีความเกี่ยวข้องกับการการรีไฟแนนซ์บ้านโดยตรง
ทำความรู้จักกับนิยามการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร
เมื่อทราบความสัมพันธ์ระหว่างการสินเชื่อบ้านและการรีไฟแนนซ์บ้านบ้านไปแล้ว เรามาดูนิยามของรีไฟแนนซ์บ้านกันบ้าง ว่าจริง ๆ แล้วความหมายของมันว่าอย่างไร
จากเว็บไซต์ของบริษัทอสังหาริมทรัย์ชื่อดังอย่างแสนสิริ ได้ให้นิยามของการรีไฟแนนซ์บ้านไว้ว่า รีไฟแนนซ์บ้านเป็นการขอสินเชื่อบ้านกับสถาบันการเงินหรือธนาคารแห่งใหม่ เพื่อลดสภาพของการแบกรับภาระอันเกิดจากเงื่อนไขของสินเชื่อบ้านเก่าที่มีอยู่ โดยมากแล้วมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญได้แก่ เพื่อลดอัตราดอกดอกเบี้ยจากการชำระค่าบ้านให้ถูกลงอีกทั้งยังเป็นการลดภาระในส่วนของยอดที่จะต้องผ่อนจ่ายในรายเดือนให้ถูกลงกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านโดยส่วนใหญ่แล้วจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านหรือสามารถรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินได้จะต้องผ่านไปแล้วอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเงื่อนไขก็ต้องเป็นไปตามที่ธนาคารผู้รับรีไฟแนนซ์กำนหด
นอกจากนี้ยังมีนิยามของการรีไฟแนนซ์บ้านในแบบฉบับของเว็บไซต์รีฟินน์ได้อธิบายไว้สั้นๆเข้าใจง่ายๆ ว่า การรีไฟแนนซ์บ้านก็คือการย้ายค่ายธนาคารที่เราได้ขอสินเชื่อบ้านอยู่ ณ ปัจจุบันเพื่อไปทำการขอสินเชื่อเงินด่วนออนไลน์กับธนาคารแห่งใหม่โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม โดยข้อเสนอของอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับในอัตราที่ถูกลงกว่าเดิมนี้จะต้องขึ้นอยู่กับประวัติในการทางด้านการเงินที่ดี มีวินัยและผ่อนตรงตามเวลา การรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารที่ใหม่จะให้อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านที่ถูกลงนั่นเอง
จากข้อมูลที่เราได้ยกความหมายของการรีไฟแนนซ์บ้านจากนิยามในหลายกูรูด้าน เรามาดูข้อสรุปกันว่ารีไฟแนนซ์บ้านคืออะไรกันแน่ หากสรุปให้เข้าใจง่ายในฉบับก็คือ การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารที่เดิม (รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม) หรือที่ใหม่ก็ได้ในเงื่อนไขของการกำหนดวงเงิน อัตราดอกเบี้ย และจำนวนเงินต้นที่ผ่อนรวมถึงระยะเวลาในการผ่อนชำระที่แตกต่างกันออกไปจากธนาคารที่คุณได้ยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านในครั้งแรก โดยเงื่อนไขรายละเอียดของสินเชื่อก็จะขึ้นอยู่กับว่าธนาคารดังกล่าวมีเงื่อนไขของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเป็นอย่างไร บางธนาคารอาจให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงหรือบางธนาคารอาจให้วงเงินที่สูงขึ้นทำให้จะได้รับวงเงินส่วนต่างกลับมาใช้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้หากใครที่ตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านก็เปรียบเสมือนการขอสินเชื่อบ้านครั้งใหม่กับธนาคารเดิมหรือธนาคารแห่งใหม่ก็ได้แต่โดยเงื่อนไขที่รับก็จะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนดขึ้นมาใหม่นั่นเอง
นิยามรีไฟแนนซ์บ้านในภาษาอังกฤษมีความหมายเหมือนกันกับประเทศไทยไหม?
“การรีไฟแนนซ์คือการที่เจ้าของบ้านทำการขอสินเชื่อบ้านใหม่เพื่อมาแทนที่สินเชื่อบ้านเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งสินเชื่อใหม่นี้จะช่วยในการประหยัดเงินมากขึ้นอีกทั้งยังจะช่วยให้สามารถบรรลุเป้าในด้านการเงินอีกด้วย
เช่น คนโดยส่วนใหญ่รีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยในการจ่ายค่าบ้านที่ลดลง, ประหยัดเงินในหลายพันหรืออาจหลายหมื่นบาทกับค่าอัตราดอกเบี้ยบ้านที่ต้องจ่ายไป แต่ในทางกลับกันก็ยังคงสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านในสินเชื่อประเภทใหม่ได้ ช่วยลดระยะเวลาในการชำระค่าสินเชื่อบ้านลงได้ก่อนกำหนด ร่นระยะเวลาเงินกู้ของคุณเพื่อชำระค่าบ้านก่อนกำหนดหรือถอนเงินจากส่วนของบ้านมาใช้ได้อีกด้วย
จากมูลค่าของบ้านที่เพิ่มขึ้น ทำให้เจ้าของบ้านหลายท่านได้เพิ่มระดับมูลค่าของของการจ่ายและสิทธิ์การรีไฟแนนซ์”
จากรูปภาพที่เราได้นำมาให้ชมนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งนิยามความหมายของการรีไฟแนนซ์บ้านเพียงเท่านั้น แต่โดยใจความสำคัญแล้วความหมายก็ถือว่าอยู่เกณฑ์ที่มีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก
อยากรีไฟแนนซ์บ้านต้องพิจารณาอะไรบ้างจึงจะคุ้มที่สุด
ต้องบอกก่อนว่าการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำได้ในหลายๆธนาคารที่ให้บริการสินเชื่อบ้าน ซึ่งแน่นนอนว่าแต่ละธนาคารก็มีเงื่อนไข กฎเกณฑ์และโปรโมชั่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการจะทราบได้ว่าควรพิจารณารีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดีจึงจะตอบโจทย์มาที่สุดได้นั้นจะดูในเรื่องของปัจจัยและองค์ประกอบอื่น ๆ ดังนี้
เงื่อนไขด้านระยะเวลา: ในบางบางครั้งถึงแม้ว่าธนาคารที่เลือกหรือกำลังพิจารณาอยู่อาจให้อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ระดับเดียวกันกับธนาคารอื่น แต่หากพิจารณาในระยะเวลาการผ่อนชำระคืนที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้สภาพคล่องในการผ่อนชำระต่อเดือนฝืดเคืองน้อยลง
เงื่อนไขด้านอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นล้วนส่งผลทางตรงต่อการผ่อนชำระ หากอัตราดอกเบี้ยลดลงก็อาจทำให้การผ่อนชำระนั้นไม่ใช่เป็นเพียงแค่การผ่อนดอก ดังนั้นการเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำจึงเปรียบเสมือนการผ่อนชำระที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การผ่อนดอกนั่นเอง
เงื่อนไขด้านวงเงิน: รีไฟแนนซ์บ้านเป็นเหมือนกับการกู้เงินจากสถาบันการเงินเดิมหรือสถาบันการเงินใหม่มาโปะเงินกู้เดิม ดังนั้นหากการรีไฟแนนซ์บ้านใหม่ที่ได้รับวงเงินที่สูงเพื่อมาทำการโปะวงเงินเดิมและเหลือส่วนต่าง ก็อาจสามารถนำเงินส่วนต่างนั้นมาใช้เพิ่มสภาพคล่องหรือนำไปใช้ในความจำเป็นด้านอื่นๆเพิ่มเติมได้อีกด้วย
เงื่อนไขด้านอื่น ๆ : นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้วปัจจัยในด้านอื่นๆ ที่ต้องควรพิจารณาได้แก่ โปรโมชั่นที่ธนาคารได้ออกมาให้บริการ ซึ่งหากโปรโมชั่นดีเช่นค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านฟรีหรือถูกลง แล้วเราชั่งน้ำหนักได้ว่า เรายังได้ประโยชน์มากกว่าเสีย เราก็อาจพิจารณาเงื่อนไขดังกล่าวในด้านี้ควบคู่เข้าไปด้วย
จากรายละเอียดข้างต้นที่เราได้นำมาแชร์นี้ คงต้องพิจารณากันอีกว่าเราอยากรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อให้เข้ากับวัตถุประสงค์ใดเป็นหลักจึงจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด
ระหว่างรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมและธนาคารใหม่แบบไหนดีกว่ากัน
หากให้เปรียบเทียบข้อดีระหว่างการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมและธนาคารใหม่นั่น มักมีข้อเดียวและข้อเสียแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากพิจารณาในข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมก็คือ ธนาคารเดิมมีประวัติในการชำระหนี้ของผู้ที่ใช้บริการอยู่ก่อนแล้วว่ามีประวัติในจ่ายค่างวดที่ตรงตามกำหนดหรือไม่ อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาคุณภาพของลูกค้าระดับใด ซึ่งหากมีการผ่อนชำระที่ตรงตามเวลาและไม่ล่าช้า การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมมีโอกาสที่จะผ่านอนุมัติสูงเลยทีเดียว แต่หากทำการเปลี่ยนธนาคารเพื่อรีไฟแนนซ์ให้ได้เงื่อนไขที่ดียิ่งขึ้น ดอกเบี้ยถูกลง การอนุมัตินั้นอาจมีโอกาสผ่านน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์บ้านกับสถาบันการเงินที่เดิมก็เป็นได้ ดังนั้นหากต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 เช่น refinance บ้านออมสิน ณ ปีปัจจุบัน จึงควรตรวจสอบข้อมูลและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของทั้งธนาคารเก่าที่กำลังใช้บริการและธนาคารใหม่ที่กำลังพิจารณาอยู่ เพื่อให้ข้อมูลและเงื่อนไขที่ดีที่สุดจึงจะทราบได้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดีที่สุดนั่นเอง
รีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำได้กี่ครั้งมีอะไรที่ต้องระวังเพิ่มเติมบ้าง
โดยปกติแล้วการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นสามารถทำได้หลายครั้ง โดยไม่ได้กำหนดจำนวนครั้งที่ชัดเจนนัก ซึ่งเมื่อครบกำหนดในรอบการผ่อนชำระเป็นเวลา 3 ปีก็จะสามารถเริ่มรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ก็ได้ แต่การทำรีไฟแนนซ์บ้านบ่อยครั้งก็อาจมีในเรื่องต้องระมัดระวังอยู่ไม่น้อยเลยดีเดียว นั่นก็คือเรื่องของค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านนั่นเอง
เราลองมาจินตราการดูว่าหากการรีไฟแนนซ์บ้านเปรียบเหมือนกับการกู้เงินก้อนใหม่เพื่อมาโปะหนี้ก้อนเดิมที่มีอยู่ในเงื่อนไขที่แตกต่างกัน แต่นั่นอาจหมายความว่าเราอาจจะต้องแลกมาด้วยกับค่าใช้จ่ายในการจดจำนอง การทำประกัน รวมถึงการทำสัญญาอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่ง ณ จุดนี้หากนำมาหักลบกลบหนี้ดูแล้ว เผลอๆอาจมีจำนวนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่เราต้องเสียให้กับธนาคารใหม่ที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์บ้านด้วยเสียอีก
รีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
สำหรับเอกสารในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งเรียกว่าเป็นสิ่งหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปอาจส่งให้การรีไฟแนนซ์บ้านอาจไม่ผ่านก็เป็นได้ เรามาดูกันว่าหากต้องการรีไฟแนนซ์ต้องเตรียมเอกสารกี่อย่างมาดูกันเลย
การเตรียมเอกสารเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมเอกสารด้วยกันทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่
เอกสารที่เกี่ยวกับข้อมูลประจำตัว
เอกสารสำหรับแสดงและบ่งบอกถึงข้อมูลประจำตัวประกอบด้วย
- เอกสารสำเนาบัตรประชำตัวประชาชน
- เอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารสำเนาการเปลี่ยนชื่อนามสกุล (ถ้ามี)
- เอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านของคุณสมรส
เอกสารด้านการแสดงรายได้
การจัดเตรียมเอกสารแสดงรายได้สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน ต่างๆ อย่างรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารกรุงไทย เป็นต้น สามารถแบ่งออกได้เป็นรูปแบบซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของการประกอบอาชีพดังนี้
กรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาและมีรายได้ประจำใช้เอกสารในการยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเพียงแค่ 3 อย่างได้แก่
- เอกสารแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- เอกสารหนังสือการรับรองการทำงานและสลิปเงินเดือน
- เอกสารสำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
กรณีเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและเป็นบุคคลธรรมใช้เอกสารทั้งสิ้น 4 อย่างได้แก่
- เอกสารสำเนารายการเดินรายการบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน โดยใช้ทั้งในนามของบุคคลและในนามของกิจการ
- เอกสารสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนหรือเอกสารใบทะเบียนการค้า
- เอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ประกอบไปด้วยชื่อผู้กู้และผู้กู้ร่วม
- เอกสารสำเนา ภ.พ. 30
เอกสารสำหรับแสดงหลักประกันที่มารีไฟแนนซ์บ้าน
ในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นเอกสารที่นำมาพิจารณาร่วมกับเอกสารด้านรายได้ก็คือเอกสารด้านหลักประกัน เพื่อยืนยันตัวตนว่าผู้รีไฟแนนซ์บ้านเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในหลักประกันที่จะนำมายื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านนั่นเอง เอกสารด้านหลักประกันประกอบด้วย
- เอกสารสำเนาแสดงสิทธิ์การถือครองหรือกรรมสิทธิ์หลักประกัน
- เอกสารหนังสือสำเนาสัญญาในการซื้อขายที่ดินหรือบ้านในสถานที่ดังกล่าว
- สำเนาหนังสือสัญญาการจดจำนองที่ดินหรือจำนองอาคารหรือห้องชุด
- สำเนาเอกสารการกู้เงินหรือขอสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินธนาคารเดิม
- เอกสารใบเสร็จแสดงการผ่อนชำระค่างวดย้อนหลังล่าสุด 12 เดือน
อย่างไรก็ตามเอกสารดังกล่าวนี้เป็นเพียงเอกสารโดยส่วนใหญ่ที่ธนาคารมักขอให้ทำการแนบมาเพื่อใช้ในการรีไฟแนนซ์บ้านซึ่งแต่ละธนาคารอาจขอให้แนบเอกสารอื่นๆเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่ธนาคารทำการยื่นรีไฟแนนซ์ด้วยนั่นเอง
มาดูรีวิวการรีไฟแนนซ์บ้าน pantip อยากบอกต่อ
บ่อยครั้งที่เว็บไซต์ Pantip.com ได้ออกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ มากมายในหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน pantip ก็ได้ออกมาแลกเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง โดยประเด็นส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญไปที่เรื่องของอัตราดอกเบี้ยจากการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารแห่งใหม่และวิธีในการเปรียบเทียบถึงวิธีในการเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน
จากที่ได้รวบรวมข้อมูลมานั้นพบว่าการรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 หรือในปีใดก็ตามธนาคารมักออกโปรโมชันที่แตกต่างกันในทุก ๆ ปี ซึ่งหากว่าอยากจะเปรียบเทียบว่าควรเลือกรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดีที่สุด ให้เราพิจารณาเปรียบเทียบจากปัจจัยในแต่ละด้านได้แก่
- ค่าประเมิน: ดูว่าในแต่ละธนาคารนั้นมีค่าใช้จ่ายในการประเมินบ้านหรือสถานที่เป็นอย่างไร
- จดจำนองต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใด
- ค่าธรรมเนียม: หากมีโปรโมชันฟรีค่าธรรมเนียมก็สามารถดำเนินการยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์บ้านได้
- อากรสแตมป์: ในแต่ละธนาคารจะมีการเก็บค่าอากรแสตมป์ที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นควรเปรียบเทียบและเลือกธนาคารที่เหมาะสมที่สุด
- ประกันอัคคีภัย: การรีไฟแนนซ์บ้านมีสิ่งที่สำคัญก็คือการซื้อประกันควบคู่มาด้วน ซึ่งหากเสียค่าประเยอะ การรีแนนซ์บ้านก็อาจไม่เป็นผลดีมากนักหากเสียค่าประกันแพงกกว่าจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายกับธนาคารเดิมเสียอีก
หากเปรียบเทียบข้อมูลค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านในแต่ละมิติของแต่ละธนาคารได้ การเลือกรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารก็ไม่ใช่เรื่องยากอีก แต่หากพิจารณาดูแล้วว่าค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านมีอัตราที่สูงเกินไป ก็สามารถเลือกเจรากับธนาคารเดิมเกี่ยวอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยประหยัดในเรื่องจองค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ทั้งหมด
เลือกไม่ถูกว่ารีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดี มาส่องข้อดีรีไฟแนนซ์บ้าน ธอส ดูบ้าง
ธนาคาร ธอส เป็นอีกธนาคารหนึ่งภาครัฐบาลที่มีวัตถุประสงค์โดยตรงเกี่ยวกับความช่วยเหลือในของความเป็นอยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบ้าน อาคาร และที่อยู่อาศัย แน่นอนว่าการให้บริการของธนาคาร ธอส นั้นก็เป็นการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อบ้านและการรีไฟแนนซ์บ้านโดยตรง ดังนั้นจึงไม่ใช้เรื่องแปลกหากธนาคาร ธอส จะให้ความสำคัญไปในทิศทางด้านความช่วยเหลือมากกว่าการแสดงหาผลกำไรเป็นหลัก ดังนั้นการรีไฟแนนซ์บ้าน ธอส จึงทำให้มีความยืดยื่นไม่น้อยหากเปรียบกับธนาคารพาณิชย์สถานที่อื่น เรามาดูกันว่าหากเลือกรีไฟแนนซ์บ้าน ธอส จะมีข้อดีอย่างไรบ้าง
- อนุมัติง่ายหากเตรียมเอกสารพร้อมและครบถ้วน: อย่างที่ทราบกันดีว่าธนาคาร ธอส เป็นธนาคารหนึ่งจากภาครัฐที่มีความมั่นคงสูงและอยู่ในสังกัดของกระทรวงการคลัง ดังนั้นด้วยคุณสมบัติในการกำหนดรีไฟแนนซ์บ้านกับ ธอส จึงมีความยืดหยุ่นสูงและไม่กำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำนั่นเอง ซึ่งหากเตรียมเอกสารครบถ้วน
- ระยะเวลาผ่อนสบายยาวนานไม่ตึงมือ: หากเลือกใช้บริการรีไฟแนนซ์บ้าน ธอส จะสามารถเลือกผ่อนได้ยาวนานหากพิจารณาถึงเกณฑ์อายุผู้กู้สามารถผ่อนได้ถึง 70 ปีเลยทีเดียว
- อัตราดอกเบี้ยถูกหากเปรียบเทียบกับธนาคารทั่วไป: การคิดอัตราเอกเบี้ยต่ำจึงทำให้สามารถโปะเข้าสู่เงินต้นได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลต่อการผ่อนชำระได้หมดไวนั่นเอง